3 เทรนด์ Event Tech ปี 2025 ที่คนจัดงานองค์กรในไทยต้องรู้

ปี 2025 กำลังจะกลายเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของวงการจัดงานในไทย ไม่ว่าจะเป็นงานสัมมนาองค์กร งาน MICE หรือแฟร์ขนาดใหญ่ เทรนด์เทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามามีบทบาทอย่างชัดเจน จนแทบจะเป็น “มาตรฐานใหม่” ที่ลูกค้าและผู้เข้าร่วมคาดหวังไว้ตั้งแต่แรก หากคุณเป็นคนจัดงานหรืออยู่ในฝ่ายการตลาดขององค์กร คุณคงรู้ดีว่า “ประสบการณ์” คือหัวใจ แต่ตอนนี้หัวใจนั้นต้องมาพร้อม “เทคโนโลยี” ด้วย
บทความนี้เราจะพาคุณไปรู้จัก 3 เทรนด์ Event Tech ปี 2025 ที่ไม่ใช่แค่กระแส แต่กำลังกลายเป็นเครื่องมือหลักของคนจัดงานในไทย
AI-Powered Personalization & Matchmaking
ในอดีต งานอีเวนต์ขององค์กรอาจเป็นเพียงพื้นที่ให้คนมาเจอกันแบบสุ่ม ๆ แต่ปัญหาคือ…ไม่ใช่ทุกการเจอจะมีคุณภาพ หลายครั้งผู้เข้าร่วมออกจากงานโดยไม่ได้พบคนที่ “ใช่” เลย
AI-Powered Matchmaking เปลี่ยนเกมนี้ทั้งหมด
ระบบจะเก็บข้อมูลตั้งแต่การลงทะเบียน เช่น อุตสาหกรรมที่ทำอยู่, ความสนใจ, เป้าหมายของการมางาน
นำข้อมูลนี้มาวิเคราะห์ร่วมกับพฤติกรรมหน้างาน เช่น เซสชันไหนที่เขาเลือกเข้า, Poll ที่เขาตอบ
สุดท้ายระบบจะแนะนำว่า “คุณควรเจอใคร” หรือ “คุณควรคุยกับคนกลุ่มไหน” เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของคุณ
ทำไมถึงเหมาะกับไทย?
ในงานสัมมนาหรือ MICE ในไทย ผู้เข้าร่วมจำนวนไม่น้อยมาจากหลากหลายจังหวัดและต่างประเทศ เวลาในการ Networking จึงมีจำกัด AI จะช่วยคัดกรองและทำให้แต่ละการพบเจอ “คุ้มค่า” มากที่สุด ลดการเสียเวลาคุยแบบไม่ตรงประเด็น และยังช่วยผู้สนับสนุน (Sponsor) จับคู่กับผู้เข้าร่วมที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย
Virtual & Hybrid Networking Lounge
โควิดทำให้เราเห็นพลังของงาน Virtual แต่ปัญหาคือ ผู้เข้าร่วมออนไลน์มักรู้สึก “โดดเดี่ยว” และขาดโอกาสสร้างคอนเนคชันกับคนในงานจริง
Virtual Lounge ยุคใหม่ แก้ปัญหานี้
ใช้แพลตฟอร์มที่จำลองบรรยากาศเสมือนจริง (3D หรือ Metaverse)
ผู้เข้าร่วมออนไลน์สามารถเข้าห้องเสวนาย่อย (Breakout Room) เพื่อคุยกันแบบใกล้ชิด
มีระบบ Chat และ Poll ให้โต้ตอบแบบ Real-time
บางระบบมี AI จับคู่ให้เจอกับคนที่มีความสนใจใกล้เคียง
ประโยชน์สำหรับงานในไทย
เหมาะมากสำหรับงานที่มีทั้งผู้เข้าร่วมในประเทศและต่างประเทศ เช่น งานแสดงสินค้า หรือสัมมนาอุตสาหกรรม การมี Virtual Lounge จะช่วยให้ทุกคนรู้สึกมีส่วนร่วมเท่า ๆ กัน และผู้จัดยังเก็บข้อมูลการมีส่วนร่วมเพื่อนำไปวิเคราะห์ต่อได้
Blockchain-Secured Ticketing
หลายคนอาจคิดว่าระบบจำหน่ายบัตรออนไลน์ทั่วไปก็เพียงพอแล้ว แต่สำหรับงานที่ต้องการความปลอดภัยสูง เช่น งานวิจัยทางการแพทย์, งานสัมมนาการเงิน หรือคอนเสิร์ตใหญ่ ๆ Blockchain คือคำตอบ
จุดเด่นของ Blockchain Ticketing
ปลอมแปลงยากมาก เพราะทุกบัตรมีรหัสเฉพาะและถูกบันทึกในระบบ Blockchain
ตรวจสอบได้ทันทีว่าใครเป็นเจ้าของบัตรจริง
ลดปัญหาการขายบัตรเกินจำนวนหรือบัตรปลอม
ในบริบทไทย
สำหรับงานที่มีบัตร VIP, จำกัดจำนวนที่นั่ง หรือมีมาตรการความปลอดภัยเข้ม Blockchain Ticketing จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้เข้าร่วมและผู้สนับสนุน เหมาะกับงานที่ต้องการภาพลักษณ์มืออาชีพและโปร่งใส
สรุป
ทั้ง 3 เทรนด์นี้ไม่ได้เป็นเพียง “ของเล่นใหม่” แต่เป็นเครื่องมือสำคัญที่กำลังเปลี่ยนวิธีคิดและวิธีจัดงานของทั้งโลก รวมถึงประเทศไทย
AI Matchmaking: เพิ่มคุณภาพของ Networking
Virtual Lounge: ลดช่องว่างระหว่างผู้เข้าร่วมออนไลน์และออฟไลน์
Blockchain Ticketing: ยกระดับความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ
คำแนะนำสำหรับคนจัดงานในไทย
เริ่มทดลองใช้ทีละฟีเจอร์ในงานเล็ก ๆ ก่อน เพื่อดูว่าผู้เข้าร่วมตอบรับอย่างไร และค่อยขยายไปยังงานใหญ่ การนำเทรนด์เหล่านี้มาใช้จะไม่เพียงช่วยให้งานของคุณ “ดูทันสมัย” แต่ยังเพิ่มคุณค่าให้กับผู้เข้าร่วมและสร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง