Chatbot & Automation ช่วยให้การจัดงานง่ายขึ้นอย่างไร

การจัดงานอีเวนต์ในยุคดิจิทัลมีความซับซ้อนกว่าสมัยก่อนมาก ไม่ว่าจะเป็นการจัดการผู้เข้าร่วม การตอบคำถาม การแจ้งข้อมูล การเก็บฟีดแบ็ก หรือแม้กระทั่งการติดตามหลังงาน ทุกขั้นตอนต้องการความแม่นยำ รวดเร็ว และประหยัดทรัพยากร ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถทำได้ด้วย Chatbot และระบบ Automation ที่ถูกออกแบบมาสำหรับงานอีเวนต์โดยเฉพาะ หลายองค์กรในไทยเริ่มเห็นว่าการใช้คนเพื่อตอบคำถามหรือทำงานซ้ำ ๆ ไม่ใช่วิธีที่คุ้มค่าอีกต่อไป โดยเฉพาะเมื่อมีผู้เข้าร่วมจำนวนมากหรือมีคำถามคล้าย ๆ กันเข้ามาซ้ำ ๆ ในทุกงาน Chatbot สามารถตอบสนองได้ตลอด 24 ชั่วโมง และมีความสามารถในการประมวลผลภาษาธรรมชาติ ทำให้การโต้ตอบใกล้เคียงกับการคุยกับคนจริงมากขึ้น การนำ Automation มาช่วยในกระบวนการต่าง ๆ เช่น การส่งข้อความยืนยันการลงทะเบียน การแจ้งเตือนเวลางานเริ่ม การส่งตั๋วอิเล็กทรอนิกส์ หรือแม้กระทั่งการส่งแบบสอบถามหลังงาน ช่วยให้ทีมงานสามารถโฟกัสกับงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น ในตลาดไทย Chatbot ที่เชื่อมต่อกับ LINE OA ได้รับความนิยมอย่างมากเพราะผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่คุ้นเคยกับแพลตฟอร์มนี้ องค์กรสามารถสร้างเมนูตอบอัตโนมัติ แจ้งตารางกิจกรรม หรือให้ผู้เข้าร่วมค้นหาข้อมูลได้เองทันที ข้อดีคือประสบการณ์การใช้งานไม่สะดุดและไม่ต้องให้ผู้เข้าร่วมติดตั้งแอปใหม่ การใช้ Automation ยังช่วยให้การสื่อสารเป็นไปอย่างต่อเนื่อง เช่น การส่งอีเมลหรือข้อความเตือนก่อนงานหนึ่งวัน และการส่งลิงก์เนื้อหาสำคัญหลังงานเพื่อให้ผู้เข้าร่วมกลับมามีส่วนร่วมอีกครั้ง สิ่งที่ผู้จัดงานควรระวังคือ […]

เปิดโอกาสธุรกิจ! AI-Powered Business Matching ตัวช่วยปิดดีลแม่น ๆ

ในงานแสดงสินค้า, งานเจรจาธุรกิจ หรือ MICE ขนาดใหญ่ เป้าหมายสูงสุดของผู้เข้าร่วมหลายคนคือ “การได้เจอคนที่ใช่” แต่ในความเป็นจริง การเจอกันแบบสุ่ม ๆ มักสิ้นเปลืองเวลาและโอกาส AI-Powered Business Matching คือเครื่องมือที่เข้ามาแก้ปัญหานี้ AI ทำงานอย่างไร? เก็บข้อมูลจาก Registration Form เช่น อุตสาหกรรม, ผลิตภัณฑ์ที่สนใจ, เป้าหมายธุรกิจ วิเคราะห์ความสอดคล้องระหว่างผู้เข้าร่วม เสนอแมตช์ที่เหมาะสม และสามารถนัดเวลาพบผ่านระบบได้ทันที 2. ประโยชน์สำหรับผู้จัดงานในไทย เพิ่มความพึงพอใจให้ผู้เข้าร่วม เพราะได้พบคู่เจรจาที่ตรงกลุ่ม เก็บข้อมูลเชิงลึกเพื่อพัฒนางานในอนาคต สร้างมูลค่าเพิ่มให้ผู้สนับสนุน เพราะสามารถการันตีว่าพวกเขาจะได้พบกลุ่มเป้าหมายจริง 3. ตัวอย่างการใช้ ในงานแฟร์ด้านอุตสาหกรรมอาหารในกรุงเทพฯ ระบบสามารถจับคู่ผู้ผลิตข้าวออร์แกนิกจากเชียงใหม่กับผู้ส่งออกในญี่ปุ่นที่กำลังหาซัพพลายเออร์ตรงตามมาตรฐาน AI-Powered Business Matching ไม่เพียงช่วยปิดดีลได้เร็วขึ้น แต่ยังเพิ่มคุณภาพของเครือข่ายและความคุ้มค่าให้กับทุกฝ่าย

7 ขั้นตอนทำรายงาน ESG สำหรับงานอีเวนต์

แนวคิด ESG หรือ Environmental, Social, Governance กลายเป็นสิ่งที่องค์กรทั่วโลกให้ความสำคัญ และวงการอีเวนต์ก็ไม่ต่างกัน การจัดงานที่ยั่งยืนไม่ใช่แค่การทำเพื่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังรวมถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและการบริหารจัดการที่โปร่งใส การทำรายงาน ESG สำหรับงานอีเวนต์ช่วยให้องค์กรสามารถแสดงให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเห็นว่ากิจกรรมของตนมีผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างไร รวมถึงเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ในการพัฒนางานในอนาคต การเริ่มต้นทำรายงาน ESG ต้องเริ่มจากการกำหนดตัวชี้วัดที่ชัดเจน เช่น ปริมาณคาร์บอนฟุตพรินต์ที่ลดลง ปริมาณขยะที่รีไซเคิลได้ จำนวนการจ้างงานจากชุมชน หรือมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เข้าร่วม ข้อมูลเหล่านี้สามารถเก็บได้ทั้งจากหน้างานและระบบออนไลน์ จากนั้นจึงรวบรวมและนำมาวิเคราะห์เพื่อเปรียบเทียบกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ การนำเสนอรายงานควรใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย มีภาพประกอบ และแสดงผลในรูปแบบที่โปร่งใส เช่น การเผยแพร่ในเว็บไซต์องค์กร หรือส่งให้ผู้สนับสนุนและผู้เข้าร่วม ในประเทศไทย แม้การทำรายงาน ESG สำหรับงานอีเวนต์ยังไม่แพร่หลาย แต่แนวโน้มกำลังเติบโต โดยเฉพาะในงานที่มีผู้สนับสนุนจากบริษัทข้ามชาติหรือองค์กรที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ การมีรายงาน ESG จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและอาจเป็นปัจจัยตัดสินใจให้ผู้สนับสนุนเลือกทำงานด้วย การเริ่มต้นวันนี้แม้ในรูปแบบที่ยังไม่สมบูรณ์แบบ จะทำให้องค์กรมีพื้นฐานที่แข็งแรงสำหรับอนาคต

Case Study – งาน MICE ในสิงคโปร์ใช้ Martech อย่างไรให้ปัง

สิงคโปร์ถือเป็นหนึ่งในศูนย์กลางงาน MICE ที่สำคัญที่สุดในเอเชีย และเป็นตัวอย่างที่ดีให้ผู้จัดงานในไทยได้เรียนรู้ถึงการใช้เทคโนโลยี Martech ให้เกิดประโยชน์สูงสุด หนึ่งในงานที่ถูกพูดถึงบ่อยคือ Singapore FinTech Festival ซึ่งสามารถดึงดูดผู้เข้าร่วมจากกว่า 100 ประเทศ และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล สิ่งที่ทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จไม่ใช่แค่เนื้อหาของงาน แต่คือการผสมผสานเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสบการณ์ผู้เข้าร่วมและเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดงาน ในงานนี้ ผู้จัดได้นำระบบ AI-Powered Business Matching มาใช้เพื่อให้ผู้เข้าร่วมสามารถค้นหาและนัดพบคู่เจรจาที่ตรงกับความสนใจและความต้องการทางธุรกิจได้อย่างแม่นยำ AI จะวิเคราะห์ข้อมูลจากการลงทะเบียนและพฤติกรรมการใช้งานแพลตฟอร์มเพื่อเสนอรายชื่อคู่เจรจาที่เหมาะสมที่สุด พร้อมให้ผู้เข้าร่วมจองเวลาพบผ่านแอปของงาน การจัดตารางนัดหมายล่วงหน้าแบบนี้ช่วยให้ทุกการพบปะมีคุณค่าและเพิ่มโอกาสในการปิดดีล ระบบ Ticketing ของงานยังถูกเชื่อมต่อเข้ากับ CRM ทำให้ทีมการตลาดสามารถสื่อสารกับผู้เข้าร่วมได้อย่างต่อเนื่องทั้งก่อน ระหว่าง และหลังงาน เช่น การส่งอีเมลแจ้งเตือนเซสชันที่น่าสนใจตามความสนใจของแต่ละคน หรือการส่งข้อเสนอพิเศษจากผู้สนับสนุนที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย ข้อมูลที่เก็บได้ยังถูกนำไปใช้วางแผนสำหรับงานในปีถัดไปเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความพึงพอใจของผู้เข้าร่วม อีกหนึ่งจุดเด่นคือการใช้ Carbon Dashboard เพื่อแสดงข้อมูลการปล่อยคาร์บอนของงานแบบเรียลไทม์ ผู้เข้าร่วมสามารถเห็นได้ทันทีว่ากิจกรรมแต่ละส่วนของงานมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างไร และมีมาตรการลดหรือชดเชยอย่างไรบ้าง การสื่อสารเรื่องความยั่งยืนอย่างโปร่งใสนี้ช่วยสร้างภาพลักษณ์เชิงบวกและทำให้ผู้เข้าร่วมรู้สึกว่าพวกเขากำลังมีส่วนร่วมในสิ่งที่ดีต่อโลก สิ่งที่ผู้จัดงานในไทยสามารถเรียนรู้จากสิงคโปร์คือการเริ่มนำ Martech มาใช้ทีละขั้น ไม่จำเป็นต้องลงทุนในทุกเทคโนโลยีพร้อมกัน แต่เลือกสิ่งที่ตอบโจทย์ที่สุดกับงานของคุณ เช่น เริ่มจากระบบ Ticketing ที่เชื่อมต่อกับฐานข้อมูลลูกค้า หรือการใช้ Business […]

ทำไมระบบจองบัตรออนไลน์ (Ticketing) ถึงช่วยลดโลกร้อนได้

ในยุคที่โลกกำลังเผชิญกับปัญหาภาวะโลกร้อน ธุรกิจและผู้จัดงานไม่สามารถทำเป็นไม่สนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมได้อีกต่อไป “ความยั่งยืน” กลายเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ผู้เข้าร่วมงานและลูกค้าให้ความสนใจ ซึ่งหนึ่งในเครื่องมือที่ถูกมองข้ามแต่มีพลังมาก คือ ระบบจองบัตรออนไลน์ หรือ Digital Ticketing คุณอาจคิดว่า Ticketing เป็นเพียงเรื่องการจัดการบัตรเข้างานให้สะดวกขึ้น แต่ความจริงแล้ว มันช่วยลดคาร์บอนฟุตพรินต์ของงานได้อย่างชัดเจน และยังสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ ลดการใช้กระดาษและหมึกพิมพ์ ในงานอีเวนต์ขนาดกลางถึงใหญ่ การพิมพ์บัตรกระดาษหลายพันใบหมายถึงการใช้ทรัพยากรจำนวนมาก ทั้งกระดาษ (ซึ่งมาจากต้นไม้) และหมึกพิมพ์ที่มีสารเคมี การเปลี่ยนมาใช้ e-ticket หรือ QR code ไม่เพียงช่วยลดต้นทุน แต่ยังลดการตัดไม้และของเสียจากการพิมพ์ ลดคาร์บอนจากการขนส่ง บัตรกระดาษต้องใช้การจัดส่งไปยังผู้ซื้อ หรือพิมพ์หน้างาน ซึ่งกระบวนการเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการใช้พลังงานและการขนส่ง (รถ/เครื่องบิน) ที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก การใช้ระบบออนไลน์ช่วยตัดขั้นตอนนี้ออกไป ทำให้ลดคาร์บอนได้ทันที การใช้พลังงานสะอาดของแพลตฟอร์ม แพลตฟอร์ม Ticketing ชั้นนำบางรายใช้เซิร์ฟเวอร์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานลม หรือพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งช่วยลดคาร์บอนจากฝั่งดิจิทัล (Digital Carbon Footprint) ได้อีกขั้น ลดความสิ้นเปลืองจากการจัดพิมพ์เกิน งานอีเวนต์มักจะพิมพ์บัตรสำรองไว้เผื่อ แต่บัตรส่วนเกินเหล่านี้กลายเป็นขยะทันทีหลังงานจบ การใช้ระบบออนไลน์ทำให้พิมพ์เฉพาะจำนวนที่จำเป็น หรือไม่ต้องพิมพ์เลย สร้างภาพลักษณ์แบรนด์ที่ใส่ใจโลก […]