การเลือกสถานที่จัดงานที่ช่วยลดคาร์บอน

การจัดงานอย่างยั่งยืนไม่ได้ขึ้นอยู่กับเพียงแค่การลดการใช้วัสดุสิ้นเปลืองหรือจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังรวมถึงการเลือกสถานที่จัดงานที่ช่วยลดการปล่อยคาร์บอน ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อคาร์บอนฟุตพรินต์ของงานทั้งหมด ในประเทศไทยที่การเดินทางและโครงสร้างพื้นฐานยังมีบทบาทสำคัญ การตัดสินใจเลือกสถานที่สามารถสร้างความแตกต่างได้อย่างมาก สถานที่ที่ตั้งอยู่ในทำเลที่ผู้เข้าร่วมสามารถเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะได้สะดวก เช่น ใกล้รถไฟฟ้า BTS หรือ MRT จะช่วยลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว ซึ่งเป็นแหล่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกสำคัญ นอกจากนี้ สถานที่ที่มีบริการรถรับส่งสาธารณะจากจุดเชื่อมต่อหลักยังสามารถกระตุ้นให้ผู้เข้าร่วมเลือกใช้บริการเหล่านี้แทนการขับรถมาเอง อีกปัจจัยสำคัญคือการใช้พลังงานหมุนเวียนหรือพลังงานสะอาด สถานที่บางแห่งในไทย เช่น ศูนย์ประชุมหรือโรงแรมขนาดใหญ่ เริ่มติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์และมีนโยบายลดการใช้พลังงานไฟฟ้า รวมถึงการใช้ระบบแสงสว่างและเครื่องปรับอากาศที่มีประสิทธิภาพสูง ผู้จัดงานควรสอบถามข้อมูลเหล่านี้ก่อนตัดสินใจเพื่อให้แน่ใจว่าสถานที่สอดคล้องกับเป้าหมายความยั่งยืนของงาน ระบบจัดการขยะก็เป็นอีกหนึ่งเกณฑ์สำคัญ สถานที่ที่มีระบบแยกขยะและรีไซเคิล รวมถึงมีนโยบายลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว จะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมหลังงานได้อย่างมาก การใช้ภาชนะที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำหรือย่อยสลายได้ทางชีวภาพก็เป็นทางเลือกที่ควรพิจารณา สถานที่ควรมีโครงสร้างรองรับการจัดงานแบบ Hybrid เพื่อให้สามารถถ่ายทอดสดหรือเชื่อมต่อผู้เข้าร่วมออนไลน์ได้อย่างมีคุณภาพ สิ่งนี้ไม่เพียงเพิ่มความยืดหยุ่น แต่ยังช่วยลดจำนวนคนที่ต้องเดินทางมาจริง ทำให้ลดการปล่อยคาร์บอนจากการเดินทางได้โดยตรง สุดท้าย การสนับสนุนชุมชนท้องถิ่นก็เป็นส่วนหนึ่งของการลดคาร์บอน การเลือกสถานที่ที่ใช้วัตถุดิบหรือบริการจากผู้ประกอบการในท้องถิ่นช่วยลดการขนส่งระยะไกล และสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจในพื้นที่ เมื่อองค์ประกอบทั้งหมดนี้ถูกรวมเข้าด้วยกัน การเลือกสถานที่อย่างมีวิสัยทัศน์จะกลายเป็นก้าวแรกที่ทรงพลังในการจัดงานที่มีความรับผิดชอบต่อโลกมากขึ้น

5 วิธีใช้ Data จาก Ticketing เพื่อทำการตลาดต่อ

ในยุคที่ข้อมูลคือทรัพยากรที่มีค่ามากที่สุด ระบบจำหน่ายบัตรหรือ Ticketing ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือในการขายบัตรเข้างานอีกต่อไป แต่เป็นเหมือนเหมืองข้อมูลที่รอให้ผู้จัดงานเข้าไปขุดค้นและนำมาใช้สร้างมูลค่าเพิ่ม หากคุณรู้จักวิธีนำข้อมูลเหล่านี้มาต่อยอด คุณจะสามารถสร้างกลยุทธ์การตลาดที่แม่นยำขึ้น ลดการใช้ทรัพยากรแบบสูญเปล่า และสร้างความสัมพันธ์กับผู้เข้าร่วมได้ลึกซึ้งกว่าที่เคยเป็นมา ในตลาดไทย ผู้จัดงานจำนวนไม่น้อยยังใช้ระบบ Ticketing เพียงเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ซื้อบัตร แต่ไม่ได้ต่อยอดไปสู่การวิเคราะห์เชิงลึก ทั้งที่ข้อมูลเหล่านี้มีพลังมากพอจะเปลี่ยนเกมการตลาดของคุณได้ ขั้นแรกคือการใช้ข้อมูลจากการขายบัตรเพื่อสร้างการแบ่งกลุ่มเป้าหมายหรือ Audience Segmentation ข้อมูลพื้นฐานอย่างเพศ อายุ ที่อยู่ และประเภทบัตรที่เลือกซื้อ สามารถนำมาวิเคราะห์เพื่อออกแบบแคมเปญที่ตรงกับความสนใจและกำลังซื้อของแต่ละกลุ่ม ยกตัวอย่างเช่น หากพบว่าผู้ซื้อบัตร VIP ส่วนใหญ่มาจากกรุงเทพฯ และมีอายุ 30–40 ปี คุณสามารถสร้างแคมเปญพิเศษที่เจาะกลุ่มนี้โดยเฉพาะ เพื่อเสนอสิทธิพิเศษหรือคอนเทนต์ที่ตรงใจมากขึ้น นอกจากนี้ ข้อมูลจาก Ticketing ยังเป็นหัวใจสำคัญของการทำ Retargeting ซึ่งเป็นกลยุทธ์การโฆษณาย้ำเตือนให้ผู้ที่เคยแสดงความสนใจหรือเคยซื้อตั๋วกลับมามีส่วนร่วมอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการยิงโฆษณาผ่าน Facebook หรือ Google Ads โดยใช้ฐานข้อมูลอีเมลและหมายเลขโทรศัพท์จากระบบ Ticketing เพื่อเพิ่มโอกาสให้พวกเขากลับมาซื้อบัตรงานครั้งต่อไป อีกหนึ่งวิธีที่ได้ผลคือการทำ Upselling และ Cross-selling เช่น เสนออัปเกรดจากบัตรธรรมดาเป็นบัตร VIP พร้อมสิทธิ์เข้าพื้นที่พิเศษ หรือขายสินค้าที่ระลึกและแพ็กเกจพิเศษสำหรับผู้ที่เคยซื้อตั๋วแล้ว […]

3 เทรนด์ Event Tech ปี 2025 ที่คนจัดงานองค์กรในไทยต้องรู้

ปี 2025 กำลังจะกลายเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของวงการจัดงานในไทย ไม่ว่าจะเป็นงานสัมมนาองค์กร งาน MICE หรือแฟร์ขนาดใหญ่ เทรนด์เทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามามีบทบาทอย่างชัดเจน จนแทบจะเป็น “มาตรฐานใหม่” ที่ลูกค้าและผู้เข้าร่วมคาดหวังไว้ตั้งแต่แรก หากคุณเป็นคนจัดงานหรืออยู่ในฝ่ายการตลาดขององค์กร คุณคงรู้ดีว่า “ประสบการณ์” คือหัวใจ แต่ตอนนี้หัวใจนั้นต้องมาพร้อม “เทคโนโลยี” ด้วย บทความนี้เราจะพาคุณไปรู้จัก 3 เทรนด์ Event Tech ปี 2025 ที่ไม่ใช่แค่กระแส แต่กำลังกลายเป็นเครื่องมือหลักของคนจัดงานในไทย AI-Powered Personalization & Matchmaking ในอดีต งานอีเวนต์ขององค์กรอาจเป็นเพียงพื้นที่ให้คนมาเจอกันแบบสุ่ม ๆ แต่ปัญหาคือ…ไม่ใช่ทุกการเจอจะมีคุณภาพ หลายครั้งผู้เข้าร่วมออกจากงานโดยไม่ได้พบคนที่ “ใช่” เลย AI-Powered Matchmaking เปลี่ยนเกมนี้ทั้งหมด ระบบจะเก็บข้อมูลตั้งแต่การลงทะเบียน เช่น อุตสาหกรรมที่ทำอยู่, ความสนใจ, เป้าหมายของการมางาน นำข้อมูลนี้มาวิเคราะห์ร่วมกับพฤติกรรมหน้างาน เช่น เซสชันไหนที่เขาเลือกเข้า, Poll ที่เขาตอบ สุดท้ายระบบจะแนะนำว่า “คุณควรเจอใคร” […]

ทำได้จริง! เคล็ดลับจัดงานคาร์บอนต่ำ (Carbon-neutral Event) สำหรับองค์กร

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา “Carbon-neutral” หรือการจัดงานแบบปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ กลายเป็นคีย์เวิร์ดที่ได้ยินกันบ่อยในแวดวงจัดงานทั้งในไทยและต่างประเทศ แต่หลายคนยังคิดว่ามันเป็นเรื่องไกลตัว ต้องใช้งบเยอะ และทำได้ยาก ความจริงคือ ถ้าคุณวางแผนอย่างเป็นระบบ มันสามารถทำได้จริงและสร้างคุณค่ามหาศาลให้กับทั้งผู้จัดงานและแบรนด์ เริ่มจากการวัด (Measure) การจะลดคาร์บอน ต้องรู้ก่อนว่ามีอยู่เท่าไหร่ ใช้เครื่องมือหรือแพลตฟอร์ม Carbon Tracker ในการคำนวณปริมาณการปล่อยคาร์บอนจากงาน เช่น การเดินทางของผู้เข้าร่วม, พลังงานที่ใช้ในสถานที่, อาหารและเครื่องดื่ม, ของตกแต่ง และขยะ ในไทยเริ่มมีบริษัทให้บริการด้านนี้ หรือใช้แพลตฟอร์มต่างประเทศอย่าง Sustain.Life หรือ Event Decision 2. ลด (Reduce) เมื่อรู้ตัวเลขแล้ว กำหนดกลยุทธ์ลดคาร์บอน เช่น จัดงานในสถานที่ที่เดินทางด้วยขนส่งสาธารณะได้ง่าย ใช้พลังงานหมุนเวียนในสถานที่ เช่น Solar หรือ Green Energy เลือกใช้บูธและเวทีแบบ Modular ที่ใช้ซ้ำได้ ลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว (Single-use) 3. ชดเชย (Offset) สำหรับคาร์บอนที่ยังเหลืออยู่ สามารถชดเชยได้ผ่านโครงการปลูกป่า หรือซื้อคาร์บอนเครดิตจากโครงการที่ได้รับการรับรอง เช่น […]

Hybrid Event: ทำไมต้องเป็นกลยุทธ์หลักขององค์กรในปีนี้

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โลกของการจัดงานได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะหลังจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้ผู้จัดงานและองค์กรต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว จากเดิมที่งานส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปแบบออฟไลน์ที่ผู้เข้าร่วมต้องเดินทางมาร่วมด้วยตัวเอง กลายมาเป็นการนำเทคโนโลยีมาผสมผสานจนเกิดเป็น Hybrid Event หรือการจัดงานที่รวมทั้งผู้เข้าร่วมในสถานที่จริงและผู้เข้าร่วมผ่านช่องทางออนไลน์ไว้ด้วยกันในงานเดียว Hybrid Event จึงไม่ใช่เพียงแนวคิดชั่วคราว แต่กลายเป็นมาตรฐานใหม่ที่หลายองค์กรในไทยและทั่วโลกยึดใช้เป็นกลยุทธ์หลัก เหตุผลหนึ่งที่ Hybrid Event กำลังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง คือความสามารถในการขยายการเข้าถึงผู้ชมได้อย่างกว้างขวางกว่าที่เคยเป็นมา องค์กรไม่จำเป็นต้องจำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมตามขนาดของสถานที่อีกต่อไป และยังสามารถดึงดูดผู้ที่อยู่ต่างจังหวัดหรือต่างประเทศให้มีส่วนร่วมได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายและเวลาในการเดินทาง ตัวอย่างเช่น งานสัมมนาธุรกิจในกรุงเทพฯ อาจมีผู้เข้าร่วมจากเชียงใหม่ ภูเก็ต หรือแม้กระทั่งจากต่างประเทศเข้ามาร่วมผ่านระบบออนไลน์ได้ทันที สิ่งนี้ช่วยเปิดโอกาสให้แบรนด์หรือองค์กรสามารถสร้างเครือข่ายและขยายอิทธิพลได้ในวงกว้างมากขึ้น นอกจากการเข้าถึงที่กว้างขึ้น Hybrid Event ยังช่วยให้ผู้จัดงานเก็บข้อมูลจากผู้เข้าร่วมได้ละเอียดและครบถ้วน ระบบการเข้าร่วมออนไลน์สามารถติดตามได้ว่าผู้เข้าร่วมเปิดดูเซสชันใด ใช้เวลานานแค่ไหน มีการโต้ตอบผ่านการโหวตหรือแชทอย่างไร ข้อมูลเหล่านี้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการวิเคราะห์พฤติกรรมและความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย เพื่อนำไปปรับปรุงการจัดงานครั้งต่อไปให้ตรงใจมากขึ้น หรือใช้ต่อยอดเป็นแผนการตลาดเฉพาะบุคคล (Personalized Marketing) ซึ่งเป็นสิ่งที่งานออฟไลน์เพียงอย่างเดียวไม่สามารถทำได้ละเอียดเท่านี้ ในแง่ต้นทุนและผลตอบแทน หลายองค์กรอาจกังวลว่าการจัด Hybrid Event จะมีค่าใช้จ่ายสูงเพราะต้องลงทุนทั้งระบบออนไลน์และออฟไลน์พร้อมกัน แม้ในระยะเริ่มต้นอาจต้องลงทุนเพิ่ม แต่ในระยะยาว Hybrid Event สามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านสถานที่ การเดินทาง และการจัดการหน้างานได้มาก อีกทั้งยังสามารถสร้างรายได้เพิ่มจากการขายสิทธิ์การเข้าชมย้อนหลัง หรือคอนเทนต์พิเศษสำหรับผู้ที่ไม่สามารถเข้าร่วมในวันงานได้ สิ่งนี้ทำให้งานไม่จำเป็นต้องสิ้นสุดเมื่อวันงานจบ แต่สามารถต่อยอดมูลค่าได้อย่างต่อเนื่อง […]